Uncategorized

ไข้หวัด ที่คนไทยเป็นมากที่สุดคือ

“ไข้หวัด” ที่คนไทยเป็นมากที่สุดคือ

                   ถ้าพูดถึงวิวัฒนาการของโรคภัยไข้เจ็บแล้วโรค “ไข้หวัด” ถือเป็นโรคที่มีการระบาดเป็นวงกว้าง มีเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เป็นร้อยชนิดแพร่กระจายไปทั่วโลก ซึ่งแพร่กระจายติดต่อได้จากการสูดอากาศที่มีเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ปนเปื้อนอยู่ อาการที่แสดงจะชัดเจน มีไข้ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหลใสไปจนขุ่น ระคายคอ โดยทั่วไปอาการจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์ หรือเร็วกว่านั้น โรค “ไข้หวัด” จะสามารถหายได้เองโดยธรรมชาติ หากไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีในช่วงที่มีอาการป่วย “ไข้หวัด”

โรค “ไข้หวัด” ที่เกิดในไทยนั้นมีการแพร่ระบาดมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น “ไข้หวัด” ธรรมดาและ “ไข้หวัด” ใหญ่จะมีการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดใหม่อยู่เป็นประจำในช่วงฤดูหนาว ฤดูฝน ซึ่งเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ใหญ่ (Influenza virus) ที่ระบาดในไทยหนักๆ จะแบ่งออกเป็น 3 ชนิดด้วยกัน คือ เชื้อไวรัสชนิดเอ เชื้อไวรัสชนิดบีและเชื้อไวรัสชนิดซี ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดเอนั้นจะถูกพบได้ทั้งในคนและสัตว์ สามารถแพร่เชื้อกระจายเชื้อติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว จากสัตว์สู่คนหรือคนสู่สัตวก็ได้ และการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสชนิดเอในสัตว์นั้นก็จะทวีความรุนแรงไปในสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ที่มีพันธุ์กรรมที่ไม่เหมือนกันทำให้สามารถก่อนเกิดโรคที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนเชื้อไวรัสชนิดบีนั้นพบเฉพาะในกลุ่มคน ทำให้ไม่เกิดอาการรุนแรงมากนัก แพร่กระจายจากคนสู่คนได้อย่างเดียว และเชื้อไวรัสชนิดซีจะมีการพบน้อยและอาการไม่รุนแรง ทำให้ไม่เกิดการแพร่กระจายติดต่อกัน

โดยเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ชนิดต่างๆ นั้นจะสามารถเข้าสู่ร่างกายทางระบบทางเดินหายใจส่วนต้น จมูก โพรงจมูก สูดดมเข้าไป ซึ่งเชื้อไวรัสที่ได้รับมานั้นจะมาจาก น้ำมูก น้ำลายหรือเสมหะของผู้ป่วย เมื่อมีอาการ ไอ จาม ละอองน้ำมูก น้ำลายจะฟุ้งกระจายในระยะ 1 เมตร ทำให้เชื้อแพร่กระจายในอากาศและอาศัยอยู่ในอากาศได้ เมื่อเราสูดดมเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ เชื้อไวรัสจะฝังตัวในโพรงจมูก และทำให้เกิดอาการของโรค “ไข้หวัด” ภายใน 1-3 วัน

ในประเทศไทยนั้น “ไข้หวัด” ทั่วไปเป็นโรคที่ถือว่าปกติของการปรับสมดุลร่างกาย เพราะจะเป็นวนเวียน เป็นและหายและกลับมาเป็นใหม่ได้หลายๆ ครั้งในปี ซึ่งเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ใหญ่ในไทย สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ “ไข้หวัด” ที่เกิดตามฤดูกาล เป็นการเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสไปตามสภาพอากาศและสภาพแวดล้อม เมื่อฤดูเปลี่ยนจากฤดูฝนไปจนฤดูหนาว ในไวรัสบางชนิดก็จะชอบอากาศเย็น จึงทำให้แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว อีกประเภทที่ต้องระวังก็คือ “ไข้หวัด” สายพันธุ์ใหม่ มีสาเหตุเกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบกันมานานแล้ว มีการขยายพันธุ์เปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา และทุกครั้งที่เชื้อไวรัสมีการกลายสายพันธุ์ก็จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ๆ ทำให้เกิดการระบาดทั่วโลกและส่งผลกระทบร้ายแรงตามมาเสมอ

วิวัฒนาการของโรคระบาดในประเทศไทย

อหิวาตกโรค (Cholera)

เริ่มจากโรคระบาดที่พบในช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 ในปี พ.ศ. 2363 นั่นคือ โรคอหิวาตกโรค (Cholera) หรือที่เรียกว่า “โรคห่า” ที่เคยได้ยินชื่อมายาวนานมากแล้ว มีการระบาดมาจากอินเดียเข้าสู่ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศด้วย เป็นโรคระบาดจากสาเหตุเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย โดยการรับประทานเข้าไปผ่านอาหารหรือน้ำ เชื้อโรคจะไปอยู่บริเวณลำไส้ และจะสร้างพิษออกมาร้ายแรง ทำปฏิกิริยากับเยื่อบุผนังลำไส้เล็ก ทำให้เกิดอาการท้องเดินอย่างมาก อุจจาระอย่างหนัก มีสีน้ำซาวข้าวหรือขาวเลย ทำให้ระบบร่างกายเสียน้ำมากกว่าปกติ และเสียเกลือแร่อย่างรวดเร็ว อาการทรุดตัวรวดเร็ว รุนแรงจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ พบว่าในช่วงที่ระบาดในไทยนั้นทำให้มีคนตายจำนวนมาก ตามท้องถนนเต็มไปด้วยซากศพ ประชาชนอพยพหนีออกจากเมืองด้วยความหวาดกลัว การระบาดครั้งนี้มีคนตายในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใกล้เคียงประมาณสามหมื่นคน

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) 2009

เชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ใหญ่ในกลุ่ม เอ หรือเรียกว่า (เอช1 เอ็น1) มีการตรวจพบเชื้อในช่วง เดือน เมษายน 2552 และแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว โดยเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้เป็นไวรัสลูกผสมระหว่างพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ เชื้อไข้หวัดนก และไข้หวัดหมู ซึ่งจะมีเห็นได้ว่าเชื้อไวรัส ชนิดนี้มีความแตกต่างของสปีชีส์อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เชื้อ “ไข้หวัด” เอช1 เอ็น1 มีความรุนแรงอย่างมาก ในช่วงนั้นมีการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อย่างเคร่งครัด เนื่องจากกังวลว่า  เชื้อไวรัส เอช1 เอ็น1 อาจจะกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม เพราะว่าสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้อย่างรวดเร็ว จึงจัดเป็นโรคติดเชื้อที่สำคัญในช่วงเวลานั้นเลยก็ว่าได้

ไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19

ประเทศไทยยุคนี้ทุกคนต้องรู้จักเชื้อไวรัส COVID-19 เพราะในปัจจุบันยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่องและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นระยะๆ พบว่าเชื้อไวรัสโคโรน่าเริ่มระบาดเมื่อต้นปี 2563 จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และได้แพร่กระจายไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งเมื่อติดเชื้อ COVID-19 นั้นก็จะมีอาการคล้ายกับโรค “ไข้หวัด” มีไข้ ไอ อ่อนเพลีย สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นและรับรส โดยผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่จะมีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และหายจากโรคได้เองโดยไม่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลก็ได้