Uncategorized

ฝุ่นละอองทำให้เป็นภูมิแพ้ได้ไหม

ฝุ่นละอองทำให้เป็นภูมิแพ้ได้ไหม ?

หากพูดถึงโรคอีกชนิดหนึ่งที่พบมากในหมู่คนไทย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ทารกแรกเกิด วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่และวัยชรา ทำให้โรคนี้เป็นโรคที่ติดอันดับต้นๆ ของยอดฮิตในหมู่คนไทยเลยก็เป็นได้ หลายคนคงคุ้นเคยกับโรคนี้เป็นอย่างดี บางคนอาจป่วยเป็นโรคนี้โดยตรง มีญาติหรือคนใกล้ตัวที่ป่วยเป็นโรคนี้ ทำให้โรคนี้กลายเป็นโรคที่อยู่ในชีวิตประจำวันและรอบข้างเราอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือโรคภูมิแพ้นั่นเอง

โรคภูมิแพ้นั้นหมายถึง โรคที่มีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน โดยร่างกายจะมีปฏิกิริยาไวต่อสารระคายเคืองบางอย่าง ทำให้เป็นสารกระตุ้นต่อโรคภูมิแพ้ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต แต่จะทำให้เป็นอุปสรรครบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียนไปจนถึงการทำงานเลยก็เป็นได้

กลุ่มคนส่วนใหญ่อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคภูมิแพ้กันมากขึ้นเพราะสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในชีวิตประจำวันล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่นละอง ควัน สารพิษ สารเคมี เกสรดอกไม้ ขนสัตว์เลี้ยง ซึ่งโดยปกติเมื่อร่างกายได้รับฝุ่นละอองหรือสารเหล่านี้เข้าไปทางระบบทางเดินหายใจ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปทางจมูก ร่างกายก็จะตอบโต้กลับมาทันที ไอ จาม หรือมีน้ำมูกไหล จะมีอาการเหล่านี้ทันที โดยเฉพาะในสารกระตุ้นประเภทฝุ่น ไรฝุ่น เป็นสสารที่มีอนุภาพเล็กสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จึงทำให้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ทั้งทางปากและจมูกหรือสัมผัสด้วยก็ตาม เมื่อร่างกายได้รับฝุ่นละอองมากเกินไป จึงทำให้สารกระตุ้นภูมิแพ้หลักๆ ที่กระตุ้นได้ง่ายที่สุดเลยก็คือฝุ่นละอองนั่นเอง

โดยปกติแล้วในกลุ่มของโรคภูมิแพ้นั้น ไม่ว่าจะเป็นโพรงจมูกอักเสบ ภูมิแพ้อากาศ ภูมิแพ้ผิวหนัง ภูมิแพ้ตา สิ่งแปลกปลอมทีเป็นสารกระตุ้นที่พบบ่อยที่สุดเลยก็คือ ฝุ่นละออง เมื่อร่างกายได้สูดดมฝุ่นเข้าไปจำนวนมากหรือไปอยู่ในห้องที่มีฝุ่นเยอะมากกว่าค่าปกติ ร่างกายก็จะเริ่มแสดงอาการเด่นทางน้ำมูก คือจะมีน้ำมูกใสไหล จาม คันจมูก หากในผู้ป่วยที่แพ้มากกว่าหนึ่งชนิดก็จะมีอาการของ 2 ชนิดรวมกัน คือมีทั้งน้ำมูกใสและอาการคัดจมูกอย่างรุนแรง หากเป็นในกลุ่มผู้ป่วยที่อาการรุนแรงก็จะมีอาการ ไอเรื้อรังหรือกระแอม ซึ่งเกิดจากเสมหะไหลหรือซึมลงคอ อาจรู้สึกมีเสมหะติดคอตลอดเวลา และอาจมีอาการปวดหัวเรื้อรัง ปากแห้ง บางคนมีอาการคันหัวตา ที่มาจากเยื่อจมูกบวมมากทำให้ท่อน้ำตา ที่อยู่ติดกันอักเสบ เกิดอาการคันที่หัวตาอย่างมาก น้ำตาไหลร่วมด้วย

ชนิดของโรคภูมิแพ้ที่มีฝุ่นละอองเป็นตัวกระตุ้นที่พบบ่อยมากที่สุด สามารถแบ่งตามระบบของร่างกายออกได้เป็น 3 กลุ่มคือ

  1. โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ

ระบบทางเดินหายใจถือว่าเป็นด่านแรกที่กรองอากาศเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะหายใจหรือสูดเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปทางจมูก ก็ล้วนมีผลกระทบทบต่อเยื่อบุโพรงจมูกทั้งสิ้น โดยส่วนใหญ่สารกระตุ้นภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยมาที่สุดจะเป็น ฝุ่นละออง ควัน สารพิษ อาการของโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจเป็นการแพ้ทางเดินหายใจส่วนบนบริเวณโพรงจมูก อาการที่แสดงออกมาเมื่อมีสารกระตุ้นก็คือ ไอ จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก หูอื้อ หายใจไม่สะดวก หายใจติดขัด เพราะเนื้อเยื่อภายในโพรงจมูกบวมขึ้น ทำให้เกิดอาการดังกล่าว ในผู้ป่วยที่มีอาการแพ้รุนแรง เยื่อบุโพรงจมูกจะบวมแดงและลามไปยังหลอดลม ระบบทางเดินหายใจส่วนล่างบริเวณหลอดลมจะมีผลกระทบร่วมด้วย ผู้ป่วยมักมีอาการหายใจหอบเหนื่อย หายใจเสียงหวีด ไอเรื้อรัง เหนื่อยง่าย มีผลทำให้โรคหอบหืดได้เลย

  1. โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง

ในกลุ่มโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังนั้นพบไม่บ่อยเท่าการแพ้ทางเดินหายใจ ซึ่งภูมิแพ้ชนิดนี้จะมีอาการของผิวหนังอักเสบเรื้อรังจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ ทำให้อาการที่แสดงออกมาให้เห็น ผิวจะแห้ง ผื่นแดง มีผื่นตามบริเวณต่างๆ มีตุ่มน้ำใสใต้ผิวหนัง และมีอาการคันอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วไปจะสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบในเด็กเล็กมากที่สุด ทำให้ต้องคอยระวังในกลุ่มเด็กมากกว่าปกติ โรคภูมิแพ้ผิวหนังปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยตรง แต่อาจรักษาได้โดยบรรเทาอาการและป้องกันอาการไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย

  1. โรคภูมิแพ้ทางตา

ตาเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกายอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งต้องให้ความสำคัญและรักษาเป็นอย่างดี สำหรับภูมิแพ้ขึ้นตานั้นถือว่าเป็นโรคที่อันตรายมากอีกชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยอาการของโรคนี้จะเป็นการอักเสบบริเวณดวงตาที่เกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ของเยื่อบุตาต่อสารก่อภูมิแพ้ อย่างพวกฝุ่นละออง ควันพิษ ซึ่งจะทำให้มีอาการแสดงออกมาทางดวงตา ตาแดง คัน น้ำตาไหล ดวงตาจะไวต่อการรับแสง โดยสารก่อภูมิแพ้ที่กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ทางตามากที่สุดก็คือ ฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ หญ้า ไรฝุ่น น้ำหอม เครื่องสำอาง มลพิษ ขนสัตว์ และอวัยวะส่วนแรกที่มีผลกระทบมักเกิดอาการที่เยื่อบุตาก่อนเป็นที่แรก เพราะเยื่อบุตาทำหน้าที่ปกป้องดวงตาจากสิ่งแปลกปลอม ภูมิแพ้ขึ้นตาเป็นโรคที่มีผู้ป่วยจำนวนมากและยังไม่สามารถที่จะรักษาได้หายในครั้งเดียว แม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นมากนัก แต่อาจทำให้ดวงตาระคายเคืองและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้