Uncategorized

ปัจจัยทางอ้อมที่จะป้องกันโรค ไข้หวัด

ปัจจัยทางอ้อมที่จะป้องกันโรค ไข้หวัด

หากพูดถึงเรื่องของโรคที่ทุกคนต้องเป็นอย่างแน่นอนเป็นมาตั้งแต่ช่วงวัยเด็กจนเป็นเรื่องปกติของช่วงชีวิตเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือโรค “ไข้หวัด” โดยโรคนี้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสหวัดที่มีมากมายถึง 200 ชนิด เช่น กลุ่มไวรัสไรโน (Rhinovirus) กลุ่มไวรัสอะดีโน (Adenovirus) กลุ่มไวรัสโคโรนา (Coronavirus) กลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) กลุ่มอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus: RSV) เป็นต้น
และยังมีเชื้อไวรัสอีกหลายสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรค “ไข้หวัด”

             
แต่มันไม่ใช่เพียง “ไข้หวัด” ธรรมดาเท่านั้นที่ทุกคนเป็นกัน แต่ยังมีโรค “ไข้หวัด” ที่มีการแพร่ระบาดอย่างแพร่หลายอีกด้วยซึ่ง “ไข้หวัด” ใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza) เป็นเชื้อไวรัสที่พบบ่อยในคน โดยแบ่งออกได้ 3 สายพันธุ์ดังนี้ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ชนิด H1N1 และ H3N2 ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บีไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ซีที่ไม่ค่อยพบมานัก


โดยการเกิด “ไข้หวัด” แต่ละครั้งจะเป็นการติดเชื้อไวรัสคนละชนิดกันจึงทำให้ป่วยเป็นไข้หวัดและหายป่วยจะทำให้มีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์นั้นๆ และสามารถที่จะกลับมาป่วยเป็น “ไข้หวัด” ได้อีกครั้ง เมื่อได้รับเชื้อไวรัสอีกชนิดที่ไม่เหมือนกับเชื้อไวรัสชนิดแรกเมื่อมีการติดเชื้อ “ไข้หวัด” จะมีระยะการฟักตัวของเชื้ออยู่ที่ 1-4 วัน โดยอาการต่างๆ จะแสดงออกตามมาอย่างเห็นได้ชัด และการติดเชื้อ “ไข้หวัด” แต่ละครั้งจะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป ใน “ไข้หวัด” ธรรมดาจะมีอาการที่ไม่รุนแรงมาก สามารถหายได้เองภายใน3 วัน แต่ถ้าหากเป็นการติดเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ใหญ่ ก็จะมีอาการที่รุนแรงมากกว่าและอาจจะหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเลยก็เป็นได้


หากไม่ต้องการที่จะติดเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” จนอาการหนักและต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่ว่าจะติดเชื้อไวรัสหวัดธรรมดาหรือ “ไข้หวัด” ใหญ่ก็ตามก็ต้องทำความเข้าใจและเตรียมตัวรับมือและป้องกันการติดเชื้อซึ่งสามารถทำได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยทางตรงก็คือการป้องกันจากตัวเองการเริ่มต้นดูแลตัวเอง สุขภาพ ร่วมไปถึงการกิน การพักผ่อนให้เพียงพอก็จะช่วยในการป้องกันโรค “ไข้หวัด” ได้ทางตรง


แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงการป้องกันโรค “ไข้หวัด” ด้วยวิธีการทางอ้อม ซึ่งไม่ใช่จากตัวเองโดยตรงแต่เป็นปัจจัยภายนอกที่มีผลให้เกิดการติดเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” โดยลิสต์หัวข้อที่เป็นการเตรียมตัวป้องกันให้ร่างกายห่างไกลจากโรค “ไข้หวัด” ได้ดังนี้คือ

1.ทัศนคติดี สุขภาพจิตดีตาม

ปัจจัยที่ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงอีกอย่างหนึ่งก็คือ จิตใจ หากคุณเป็นคนที่มีสุขภาพจิตที่ดี อารมณ์ดีตลอดเวลาก็จะส่งผลต่อร่างกายได้ทันที การมีสุขภาพจิตดี ร่าเริงแจ่มใส ไม่เครียดไม่วิตกกังวลจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินที่จะไปเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้เมื่อคุณผ่อนคลาย สบายใจ ปล่อยวาง สุขสงบกับตัวเองร่างกายก็จะปรับสมดุลและมีภูมิต้านทานทางด้านร่างกายและจิตใจในป้องกัน “ไข้หวัด” ได้ดี

2.หยิบจับต้องระวัง

ข้อนี้เหมือนจะเป็นการระวังจากตัวเราเองที่ต้องไม่หยิบจับสิ่งของร่วมกับผู้ป่วย หรือสัมผัสสิ่งของในที่สาธารณะแต่นั่นก็เป็นการที่ต้องเข้าใจก่อนว่า สิ่งแวดล้อมรอบตัว สิ่งของรอบข้างหรือผู้คนรอบกาย ทุกคนอาจมีสิทธิเสี่ยงที่จะมีเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” อยู่ก็เป็นได้ จึงทำให้เราจะต้องระมัดระวังให้มากกับสิ่งแวดล้อมรอบข้างและการหยิบจับสิ่งของจากผู้อื่นอาจะเป็นคนที่รู้จักหรือคนที่ไม่รู้จักก็เช่นกัน เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ได้ตลอดเวลา

3.หลีกเหลี่ยงพื้นที่แออัด

พื้นที่บางแหล่งก็ไม่ควรจะเข้าไปอยู่ใกล้ หากเป็นแหล่งที่มีความแออัดไม่ใช่แค่แออัดเฉพาะกลุ่มคนเท่านั้น แต่เป็นการแออัพของเชื้อโรคหรือพื้นที่แคบและเต็มไปด้วยของเสียหรือสิ่งสกปรกก็ควรหลีกเหลี่ยงเช่นกันเพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า เชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ไม่ได้มีเพียงชนิดเดียวแต่มีเป็นร้อยชนิด ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าในแต่ละพื้นที่แออัดนั้นๆ จะมีเชื้อไวรัสสะสมอยู่หรือไม่ และถ้าหากมีเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” อยู่แล้วเกิดไปสัมผัสจนติดเชื้อแล้วอาการจะรุนแรงมากเพียงใด

4.งดปาร์ตี้สังสรรค์

แน่นอนว่าการดื่ม การปาร์ตี้การจัดงานประเภทนี้จำเป็นจะต้องมีการใกล้ชิด และสัมผัสระหว่างกันแบบใกล้ชิดอีกทั้งมีการใช้สิ่งของร่วมกันเช่น แก้ว ช้อน จาน ชามสิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งของที่ห้ามใช้ร่วมกับผู้ที่มีเชื้อ “ไข้หวัด”  โดยเด็ดขาดเพราะเมื่อสัมผัสจะได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายทันทีและการจัดปาร์ตี้สังสรรค์ก็จะมีการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ร่วมด้วยเป็นเรื่องปกติของการจัดงานประเภทนี้ซึ่งควันบุหรี่จะทำให้ภูมิต้านทานตกลงอย่างรวดเร็วและมีผลต่อระบบทางเดินหายใจทำให้ติดเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ได้ง่าย

5.บ้านสะอาดอยู่เสมอ

งานบ้านถือเป็นเรื่องปกติของทุกบ้านที่ควรทำเป็นประจำแต่การทำความสะอาด บ้าน ห้องนอน โต๊ะทำงาน หน้าจอสมาร์ทโฟน ฯลฯต้องทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ก็จะมีข้อดีตรงที่จะช่วยขจัดเชื้อโรคต่างๆไรฝุ่น เชื้อไวรัสให้ออกไปได้ ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้มีผลต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรงทำให้มีปัญหาเชื้อโรคสะสมในจมูกจนเกิดการอักเสบภายในโพรงจมูกและการทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอจะทำให้ไม่เกิดการสะสมของเชื้อโรคและเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ทำให้มีโอกาสติดเชื้อน้อยลง