Uncategorized

เด็กหรือผู้ใหญ่ที่จะเป็นโรคภูมิแพ้ 

เด็กหรือผู้ใหญ่ที่จะเป็นโรคภูมิแพ้ 

ในกลุ่มคนที่ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจโดยส่วนใหญ่ จะอยู่ในช่วงวัยเด็กไปจนถึงวัยกลางคน โดยโรคที่อยู่ในกลุ่มนี้ที่รู้จักกันดีและพบบ่อยมากที่สุด นั่นก็คือโรคไข้หวัด ซึ่งพบผู้ป่วยมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และอีกหนึ่งโรคที่พบผู้ป่วยรองลงมาก็คือโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นผลมาจากความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจส่วนบนหรือโพรงจมูกนั่นเอง

                โรคภูมิแพ้ก็คือโรคที่ผู้ป่วยจะแสดงอาการออกมาให้เห็นว่าแพ้อย่างชัดเจน ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา น้ำตาไหล คันรอบดวงตา ระคายเคืองผิว ผื่นคัน มีผดผื่นคันแดงตามผิวหนัง ผิวหนังลอกอักเสบ หรืออาจแพ้รุนแรงถึงขั้นท้องร่วง แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ซึ่งอาการเหล่านี้จะแสดงออกมาเมื่อผู้ป่วยได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในร่างกาย ในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้แต่ละคนจะมีอาการแพ้ต่อสารกระตุ้นที่แตกต่างกันไป เพราะโดยทั่วไปแล้ว สารส่วนใหญ่ที่ผู้ป่วยแพ้ เป็นสารที่ไม่ทำปฏิกิริยาหรือเป็นอันตรายต่อร่างกายของคนส่วนใหญ่ แต่จะทำให้เกิดการเจ็บป่วยต่อผู้ที่แพ้สารก่อชนิดนั้นๆ

ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นตัวกระตุ้นในการเกิดโรคภูมิแพ้ทั้งในกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ว่าช่วงอายุไหนก็มีโอกาสเป็นทั้งนั้น จะมีปัจจัยหลักอยู่ 3 อย่างก็คือ พันธุกรรม สภาพแวดล้อม พฤติกรรมพันธุกรรม

ปัจจัยพื้นฐานของโรคภูมิแพ้เลยก็คือ พันธุกรรมผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่จะเจอว่ามีพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งมีประวัติป่วยมาก่อน คิดเป็นร้อยละ 20-40 ที่ลูกจะป่วยเป็นภูมิแพ้ประเภทเดียวกัน แต่ถ้าหากทั้งพ่อและแม่มีประวัติเป็นภูมิแพ้ ลูกก็จะมีโอกาสที่จะเป็นเพิ่มขึ้นถึง 50-80% เลยทีเดียว

สภาพแวดล้อม

ส่วนปัจจัยทางด้านสภาพแวดล้อมที่สำคัญและเป็นตัวกระตุ้นสารก่อภูมิแพ้อันดับหนึ่งเลยก็คือ มลพิษในอากาศ ควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสีย หรือแม้แต่ควันโรงงาน ฝุ่นละออง ฝุ่นก่อสร้าง โรงงาน บ้านที่มีฝุ่นสะสม สภาพที่พักอาศัย ที่นอน อุปกรณ์ที่ใช้บ่อยครั้งและไม่ทำความสะอาด ก็จะมีเศษไรฝุ่นจำนวนมาก ทำให้กระตุ้นให้เกิดการแพ้ได้

พฤติกรรม

ในเรื่องพฤติกรรมการเลือกรับประทานมีส่วนทำให้ป่วยได้เช่นกัน การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ไม่สะอาด คนที่ชอบทานพวกอาหารขยะ ที่เน้นแป้งและไขมันต้องระวังไว้ เพราะมีผู้ป่วยกว่า 15 % เป็นโรคนี้ ทั้งๆ ที่พ่อและแม่ไม่เคยมีประวัติป่วยมาก่อนได้เหมือนกัน

ซึ่งสามารถบอกได้ว่าโรคภูมิแพ้นั้นสามารถเป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ มีสาเหตุที่เกิดจากการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในร่างกายที่มากกว่าปกติ ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น จนทำให้เกิดอาการแพ้ โดยอาการแพ้นั้นขึ้นอยู่กับระบบต่างๆ ในร่างกาย หรือชนิดของโรคภูมิแพ้ที่เป็น แตกต่างกันที่อาการที่แสดงออกมาและปริมาณที่ได้รับสารกระตุ้นเข้าไปในร่างกาย ทำให้โรคนี้มีความรุนแรงที่ไม่เท่ากันทุกคน

ชนิดของโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งหากเฉลี่ยแล้วจะพบผู้ป่วยเท่าๆ กัน ขึ้นอยู่กับว่าชนิดของภูมิแพ้นั้นๆ จะเกิดขึ้นในช่วงวัยไหนมากที่สุด

โรคภูมิแพ้ผิวหนัง

กลุ่มคนที่มีประวัติแพ้มากที่สุดจะอยู่ในช่วงวัยเด็ก ตั้งแต่ทารกไปจนถึง 12 ปี จะเป็นช่วงที่พบผู้ป่วยมากที่สุด ในช่วงวัยเด็กนั้นผิวจะมีความบอบบางมาก โดยสังเกตได้จากเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมกระทบผิวอย่าง ยุงกัด แมลงต่อย ระหว่างวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ จะมีอาการและสภาพผิวหนังที่รุนแรงแตกต่างกัน ผิวของเด็กจะไม่สามารถต่อต้านกับสารกระตุ้นได้ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายกว่า ผู้ป่วยชนิดของภูมิแพ้ผิวหนัง ผู้ป่วยจะมีลักษณะผิวแห้ง และมีอาการคัน เป็นผื่นตามใบหน้าหรือข้อพับต่างๆ บางรายที่อาการรุนแรงจะมีตุ่มใส และคันบริเวณรอบร่วมด้วย ซึ่งอาการจะเป็นและหายเองได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัจจัยกระตุ้นในขณะนั้น

โรคภูมิแพ้อาหาร

กลุ่มคนที่แพ้อาหารจะเป็นได้ทั้งวัยเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่เลย เพราะในกลุ่มเด็กอาหารที่แพ้ส่วนใหญ่จะเป็น นมวัว ไข่ ถั่ว แป้งบางชนิด และอาหารทะเล ซึ่งเมื่อระยะเวลาผ่านไป ช่วงอายุที่เปลี่ยนแปลงร่างกายก็จะปรับตัวตามการรับประทาน ทำให้อาการแพ้ต่อสารกระตุ้นบางชนิดหายไปได้ แต่จะไปแพ้อาหารประเภทอื่นๆ แทน ผู้ป่วยแพ้อาหารมีอยู่หลายชนิดและหลายอาการ หากเป็นระบบผิวหนัง อาจจะเป็นผื่นลมพิษ ซึ่งอาจจะคันหรือหน้าบวม ตาบวม ปากบวมได้ แต่หากเป็นที่ระบบทางเดินอาหาร อาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว หรือถ่ายปนมูกเลือด และหากเป็นที่ระบบทางเดินหายใจ อาจจะมีอาการไอ แน่นหน้าอก หรือหายใจลำบาก หรือหากมีอาการแพ้หลายระบบ อาจจะมีอาการรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้

โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ

กลุ่มคนที่ป่วยเป็นภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เป็นได้ทั้งวัยเด็กและผู้ใหญ่ เนื่องจากสารกระตุ้นทางระบบทางเดินหายใจนั้น จะเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจเข้าไปทางจมูก ทำให้เยื่อบุจมูกอักเสบ ซึ่งทุกช่วงวัยจะสามารถมีอาการได้ตลอดเวลา หากได้รับสารกระตุ้น อาการที่แสดงจะมี คัดจมูก คันจมูก จาม น้ำมูกไหล เหนื่อย แน่นคอ หายใจเสียงดังวี้ด หรือมีอาการไอ จากน้ำมูกไหลลงคอ อ้าปากหายใจเนื่องจากคัดจมูก อาการจะเป็นๆ หายๆ ซึ่งอาจเกิดจากความสัมพันธ์กับอุณหภูมิ , ความชื้น , มลภาวะ , ควันบุหรี่ หรือสารก่อภูมิแพ้ชนิดอื่นๆ หากผู้ป่วยบางรายมีอาการรุนแรง ก็จะมีการอักเสบของหลอดลม มีเสมหะ ติดเชื้อได้