Uncategorized

โรคภูมิแพ้มากจากสัตว์โดยตรงใช่ไหม

โรคภูมิแพ้มากจากสัตว์โดยตรงใช่ไหม ?

             

หากจะบอกว่าสัตว์เลี้ยงที่เรารักจะมีพิษภัยต่อร่างกายของเจ้าของหรือไม่อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าสัตว์เลี้ยงที่เราเลี้ยงนั้นเป็นสัตว์ประเภทใดและร่างกายของเรานั้นมีอาการที่ตอบสนองต่อการกระตุ้นของสารที่มาจากสัตว์เลี้ยงหรือไม่ต้องสำรวจและเข้าใจก่อนว่าโรคที่มาจากสารกระตุ้นสัตว์เลี้ยงมีอยู่ไม่มากนักเพราะสัตว์เลี้ยงเป็นเพียงตัวกระตุ้นไม่ได้เป็นตัวแพร่กระจายเชื้อให้ต่อจากสัตว์สู่คนได้แต่อาจมีโรคไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์ที่สามารติดต่อจากสัตว์สู่คนได้


แต่ในบางโรคที่สัตว์เลี้ยงสามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการของโรคนั้นออกมาได้ก็คงจะหนีไม่พ้นโรค “ภูมิแพ้” หรือที่รู้จักกันดีว่า ภูมิแพ้ขนสัตว์ ที่เป็นผลโดยตรงจากการแพ้ขนของสัตว์เลี้ยงนั่นเอง ซึ่งโรค ภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยผู้ป่วยเมื่อได้รับสารก่อ ภูมิแพ้ เข้าไปในร่างกายอย่าง ขนสัตว์ ฝุ่นสารเหล่านี้จะไปทำปฏิกิริยากับสารเคมีในร่างกาย ทำให้มีอาการตอบสนองมากกว่าคนปกติโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาเสมอซึ่งทำให้สารก่อ “ภูมิแพ้” เหล่านี้ไปจับกับโปรตีนไอจีจีในร่างกาย ทำให้เกิดอาการแพ้ที่แสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ


การเกิดโรค “ภูมิแพ้” สามารถเป็นมาจากพันธุ์กรรมได้และยังสามารถเป็นได้จากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ด้วยเช่นกันโดยปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่มาจากการ หายใจ การรับประทาน การสัมผัสสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นตัวกระตุ้นเมื่อร่างกายทำปฏิกิริยากับสารก่อ“ภูมิแพ้” ร่างกายก็จะแสดงอาการแพ้ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนอีกทั้งการได้รับสารก่อ “ภูมิแพ้” ในปริมาณมาก และเป็นระยะเวลายาวนาน อย่างการเลี้ยงสัตว์การคลุกคลีกับสัตว์ ก็จะทำให้ร่างกายถูกกระตุ้นด้วยสารก่อ“ภูมิแพ้” ทางอากาศ ไรฝุ่น แมลงสาบ สัตว์เลี้ยงขนของสัตว์เลี้ยงเป็นตัวกระตุ้นที่ดีของการเกิดอาการ “ภูมิแพ้” กำเริบในกลุ่มคนที่แพ้ขนสัตว์

สัตว์มีผลต่อการเกิดโรค “ภูมิแพ้” ได้อย่างไรบ้าง ?

สารก่อ“ภูมิแพ้” ที่เข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจขนสัตว์ในส่วนของขนสัตว์ ถือเป็นตัวกระตุ้นการเกิด “ภูมิแพ้” ได้มากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะขนสัตว์เป็นสิ่งแปลกปลอมขนาดไม่เล็กมากมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เส้นบาง สัตว์บางตัวมีขนที่ยาว บางตัวมีขนสั้นหรือในสัตว์บางชนิดขนหยิก เมื่อผู้ป่วยที่มีอาการ “ภูมิแพ้” ขนสัตว์อยู่แล้วได้หายใจเอาขนสัตว์เหล่านี้เข้าไปยังร่างกายผ่านช่องทางจมูก สารในร่างกายก็จะทำงานโดยอัตโนมัติทำให้เกิดอาการเยื้อบุโพรงจมูกอักเสบ จมูกอักเสบ คัดจมูกหรือจามบ่อยครั้งในผู้ป่วยบางราย


สปอร์ของเชื้อรา

สิ่งแปลกปลอมชนิดที่เล็กมาก จะเป็นแบคทีเรียเชื้อไวรัส หรือเชื้อรา ก็เป็นสารที่กระตุ้นให้เกิด “ภูมิแพ้” ได้ทั้งนั้นซึ่งสปอร์เชื้อราเป็นอนุมูลขนาดเล็ก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าสามารถอาศัยอยู่ในอากาศทั่วไปและในขนของสัตว์หรือจับตัวอยู่กับผิวหนังของสัตว์บางชนิดได้เช่นกันจึงทำให้สัตว์มีเชื้อโรค เชื้อราเหล่านี้ ที่จะสามารถส่งผลต่อผู้ป่วยที่เป็น “ภูมิแพ้” ให้เกิดอาการได้ตลอดเวลาและสารจำพวกเชื้อราเหล่านี้ก็มีผลต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรงเมื่อได้รับการหายใจเอาสปอร์เชื้อราเข้าสู่ร่างกายระบบทางเดินหายใจจะเกิดการอักเสบและอาจจะส่งผลถึงปอดซึ่งอันตรายเป็นอย่างมาก

สารก่อ“ภูมิแพ้” ที่เข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานอาหาร

นมวัว กลุ่มผู้ป่วยบางรายมีอาการ “ภูมิแพ้” นมโดยนมส่วนใหญ่ที่คนจะแพ้มากที่สุดเลยก็คือ นมวัว ซึ่งจะสังเกตได้ตั้งแต่ในวัยเด็กว่าเด็กส่วนใหญ่แพ้นมวัว ซึ่งมาจากสาเหตุจากการแพ้โปรตีนในนมวัวเมื่อผู้ป่วยรับประทานนมวัวเข้าไป อาการที่แสดงออกมาจากเห็นได้จากผิวหนังแดงหรือเป็นผื่น ผู้ป่วยบางรายอาจจะอาเจียนหรือมีอาการระบบทางเดินหายใจในกลุ่มวัยเด็กที่เป็น “ภูมิแพ้” นมวัว จะมีอาการไอหนัก หายใจเร็วจนหน้าอกยุบ มีเสียงขนาดหายใจในเด็กบางรายที่แพ้นมวัวแบบเฉียบพลันหลังทานนมวัวภายใน 1-4 ชั่วโมงจะมีอาการที่รุนแรงมากอันตรายถึงชีวิตได้

ไข่ขาว

การรับประทานไข่ถือว่าเป็นโปรตีนชั้นดีในรูปแบบของอาหารอีกหลายหนึ่งแต่ถ้าในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็น “ภูมิแพ้” การรับประทานไข่ขาวคงไม่เป็นผลดีต่อโรคมากนักเพราะว่าในไข่ขาวจะมีโปรตีนที่ชื่อว่า อัลบูมินผสมอยู่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ในกลุ่มผู้ป่วยที่แพ้ไข่ขาวหากเป็นในกลุ่มวัยเด็กสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ก็คือ โอโวมิวคอยด์ ในไข่ขาวเช่นกันซึ่งเป็นโปรตีนที่ทนความร้อนมาก ถึงแม้ว่าจะนำไข่มาประกอบอาหารจนสุกแล้วโปรตีนตัวนี้ก็ยังอยู่ในไข่เช่นเดิม ซึ่งเมื่อผู้ป่วย“ภูมิแพ้”  ได้รับประทานไข่ขาวเข้าไปก็จะแสดงอาการออกมาทันทีผู้ที่เป็นโรค “ภูมิแพ้” ไข่ขาวสามารถเกิดอาการแพ้ได้ตลอดแม้ว่าจะได้รับประทานไข่ขาวเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็ตาม โดยอาการ“ภูมิแพ้” ไข่ขาวส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย มีผื่น หายใจไม่ออก หายใจติดขัดไปจนถึงอาการแพ้รุนแรงเฉียบพลันถึงขั้นเสียชีวิตได้

อาหารทะเลจำพวกสัตว์มีเปลือก

อาหารทะเลเป็นตัวกระตุ้นอาการของโรค “ภูมิแพ้” ได้ชัดเจนอีกชนิด ซึ่งในอาหารจำพวกกุ้ง หอย สัตว์ที่มีเปลือกทั้งหลายเหล่านี้ล้วนมีสารบางอย่างที่เป็นกระตุ้นก่อให้เกิด “ภูมิแพ้” เฉียบพลันได้ โดยอาการแพ้กุ้งส่วนใหญ่มักเกิดจาก สารฮีโมไซยานิน (Hemocyanin) ที่อยู่ในกุ้งแม่น้ำหรือกุ้งก้ามกรามสารโปรตีนลิพิดไบน์ดิง (Lipid-bindingProtein) และโปรตีนแอลฟาแอกตินิน (Alpha-actinin Protein) ที่อยู่ในกุ้งกุลาดำหรือกุ้งลายเสือซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารที่อยู่ภายในตัวกุ้งโดยตรง เมื่อผู้ป่วย“ภูมิแพ้” ที่ไวต่อการตอบสนองต่อสารเหล่านี้ของสัตว์ทะเลก็จะแสดงอาการแพ้ออกมาให้เห็นทันที ทางผิวหนังผื่นแดง อาเจียน หรือหายใจติดขัดอาการเหล่านี้ล้วนมาจากสารกระตุ้น “ภูมิแพ้” ที่มาจากสัตว์ทะเลที่รับประทานเข้าไปนั่นเอง

 

นอกจากนี้ยังมีการเกิด “ภูมิแพ้” จากการสัมผัสมลพิษ (pollutant)หรือควันบุหรี่เป็นการรับสารก่อ “ภูมิแพ้” จาดสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษและสภาพอากาศที่ย่ำแย่ ซึ่งผู้ป่วยโรค “ภูมิแพ้” แต่ละรายก็จะมีอาการที่แตกต่างกันออกไปความรุนแรงของอาการก็ไม่เท่ากัน เพราะชนิดของสารก่อ “ภูมิแพ้” ที่ได้รับนั้นร่างกายเกิดการตอบสนองต่อสารกระตุ้นแต่ละบุคคลแตกต่างกัน