Uncategorized

การฉีดวัคซีนช่วยโรค ไข้หวัด ได้หรือไม่

ฉีดวัคซีนช่วยโรค “ไข้หวัด”ได้หรือไม่ ?

โรค “ไข้หวัด” ที่รู้จักกันดีและเป็นกันอย่างแพร่หลายนั้น หากเป็นใน “ไข้หวัด” ธรรมดากระบวนการรักษาก็อาจเป็นแค่เพียงการรับประทานยาและการนอนพักผ่อนให้เพียงพอก็จะหายดีภายในระยะเวลา 3 วัน แต่ทว่าโรค “ไข้หวัด” ไม่ได้มีเพียงหวัดธรรมดาเท่านั้นแต่มี “ไข้หวัด” ใหญ่อีกด้วยจึงทำให้อาการที่แสดงออกมาแตกต่างกันออกไปตามเชื้อไวรัสในแต่ละสายพันธุ์

             

ซึ่งโรค “ไข้หวัด” ใหญ่ เกิดจากสาเหตุที่ร่างกายได้รับเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Influenza virus เข้าสู่ร่างกายจากระบบทางเดินหายใจส่วนต้น ทำให้เชื้อสะสมอยู่ภายในโพรงจมูกจนเกิดการอักเสบในที่สุดและเป็นที่มาของโรค  “ไข้หวัด” ใหญ่ โดยเชื้อ“ไข้หวัด” ใหญ่จะเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถแบ่งชนิดออกได้อีก 3 ชนิดได้แก่ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ซีซึ่งในแต่ละฤดูกาลก็จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสแต่ละชนิดตามสภาพอาการและสภาพการกระจายของเชื้อโรคในช่วงนั้นๆ


อาการของโรค “ไข้หวัด” ใหญ่อาจมีอาการเริ่มต้นเหมือนไข้หวัดธรรมดาทั่วไปแต่จะมีความรุนแรงมากกว่าคือ ไข้สูงเฉียบพลัน ไอ จาม มีน้ำมูกติดเชื้อสีเข้มหรือในบางรายอาจทำให้เกิดปอดอักเสบและเสียชีวิตได้หากไม่รีบทำการรักษาหรือเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการอย่างถูกต้อง


แต่ในปัจจุบันมีวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ก้าวไกลและช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัส“ไข้หวัด” ใหญ่ได้เป็นอย่างมากเป็นการคิดค้นวัคซีนเพื่อป้องกัน “ไข้หวัด” ใหญ่โดยเฉพาะ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อไวรัส “ไข้หวัด”  ใหญ่ชนิดต่างๆเมื่อไม่มีการติดเชื้อก็จะไม่มีผู้ป่วยเป็น “ไข้หวัด” ใหญ่ในที่สุดก็จะค่อยๆ ลดอัตราการติดเชื้อ “ไข้หวัด” ใหญ่ได้มากขึ้นซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ใหญ่ในแต่ละฤดูกาล 

วัคซีนป้องกัน “ไข้หวัด” ใหญ่เป็นการผลิตเชื้อไวรัสที่ตายแล้วโดยผ่านกระบวนการผลิตคัดกรองอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันโรค “ไข้หวัด” ใหญ่เป็นเชื้อที่ผลิตมาเพื่อป้องกันไวรัส “ไข้หวัด” ใหญ่โดยเฉพาะ แต่ที่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัคซีน “ไข้หวัด” ใหญ่ก็คือ วัคซีนเป็นเพียงการป้องกันไม่ให้อาการติดเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ใหญ่มีความรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตแต่ผู้ที่ได้รับวัคซีนก็ยังสามารถป่วยเป็น “ไข้หวัด” ใหญ่ได้เช่นเดิม แต่เพียงอาการจะไม่รุนแรงมากนักและจะมีโอกาสเสี่ยงของโรคแทรกซ้อนน้อยลง

 

เมื่อได้รับวัคซีน “ไข้หวัด” ใหญ่แล้ว ร่างกายจะตอบสนอง โดยภูมิคุ้มกันในร่างกายจะสร้างขึ้นภายใน 2สัปดาห์หลังจากได้รับวัคซีน “ไข้หวัด” ใหญ่ และสิ่งที่ต้องเข้าใจอีกอย่างก็คือ วัคซีน “ไข้หวัด” ใหญ่ไม่สามารถป้องกันโรค “ไข้หวัด”ธรรมดาได้ เพราะเชื้อไวรัสใน “ไข้หวัด” ธรรมดาเป็นเชื้อไวรัสคนละสายพันธุ์กัน

ซึ่งไม่สามารถที่จะทำลายได้ด้วยวัคซีน “ไข้หวัด” ใหญ่ จึงทำให้ทุกคนควรที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนปีละครั้ง อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันเชื้อไวรัส  “ไข้หวัด”  ใหญ่ชนิดใหม่ๆ หรือสายพันธุ์ที่รุนแรงในอนาคต

ทำไมต้องฉีดวัคซีน “ไข้หวัดใหญ่” ทุกปี

ในการผลิตวัคซีน “ไข้หวัด” ใหญ่ในแต่ละปี ทางการแพทย์จะมีการปรับเปลี่ยนสูตรตามเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ใหญ่ชนิดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกปีมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เรื่อยๆเพื่อให้ครอบคลุมการป้องกันเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของการป่วยเป็น “ไข้หวัด” ใหญ่ ในทุกปีร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้เองกระบวนการของร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันและภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสชนิดที่เคยติดเชื้อมาก่อนจึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปีเพื่อจะได้ป้องกันได้อย่างต่อเนื่องและให้ร่างกายได้สร้างภูมิคุ้มกันและปรับให้เหมาะสมกับเชื้อไวรัสในแต่ละปีด้วยเช่นกัน

วัคซีน “ไข้หวัดใหญ่” ป้องกันได้แค่ไหน ?

ในกลุ่มวัยเด็กการได้รับวัคซีน “ไข้หวัด” ใหญ่จะช่วยป้องกันเชื้อได้มากถึง 90% ซึ่งเป็นการช่วยต้านทานเชื้อไวรัส “ไข้หวัด”ใหญ่ในเด็กได้ดีที่สุดและในกลุ่มวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยกลางคน วัคซีน “ไข้หวัด” ใหญ่จะมีประสิทธิภาพการป้องกันโรคได้ถึง 70-90% ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์การป้องกันเชื้อที่ดีสำหรับช่วงวัยนี้แต่หากเป็นในกลุ่มผู้สูงอายุจะมีข้อจำกัดเล็กน้อยเพราะว่ากลุ่มผู้สูงอายุมีภูมิต้านทานของร่างกายต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆจึงทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง การตอบสนองต่อวัคซีน “ไข้หวัด” ใหญ่ก็จะลดลงตามลำดับขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย

ควรเข้ารับการฉีดวัคซีน “ไข้หวัดใหญ่” ช่วงไหน ?

อันที่จริงแล้วทุกคนสามารถที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน “ไข้หวัดใหญ่” ได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าให้แนะนำช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะฉีดวัคซีนก็คือช่วงก่อนที่จะมีการระบาดของเชื้อไวรัส “ไข้หวัด” ใหญ่สายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งสามารถที่จะประเมินได้ว่า ในช่วงที่ “ไข้หวัด” ใหญ่ระบาดเยอะที่สุดจะอยู่ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวจึงควรที่จะฉีดวัคซีน “ไข้หวัด” ใหญ่ ก่อนเข้าสู่ฤดูนั้นๆ เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสที่อาจจะมีการแพร่ระบาดได้

กลุ่มที่ไม่ควรรับวัคซีน “ไข้หวัดใหญ่”

– กลุ่มเด็กทารกและเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน เป็นกลุ่มที่มีความบอบบางและไม่ควรได้รับยาหรือวัคซีนที่มีผลต่อระบบของร่างกาย เพราะอาจจะส่งผลเสียต่ออวัยวะต่างๆภายในร่างกายของเด็กได้

 

– กลุ่มผู้มีประวัติแพ้ไก่หรือไข่เนื่องจากวัคซีน “ไข้หวัด” ใหญ่บางชนิดมีส่วนผสมของโปรตีนจากไข่หรือไวรัสที่นำมาทำวัคซีนนั้นเพาะเลี้ยงในเซลล์ตัวอ่อนของไก่จึงทำให้เกิดความเสี่ยงของอาการแพ้หลังการฉีดวัคซีนได้

 

 – ผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีน“ไข้หวัด” ใหญ่แน่นอนว่าหากเคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาก่อนแล้วมีอาการแพ้ครั้งแรก นั่นหมายถึงว่าร่างกายไม่สามารถที่จะรับวัคซีนได้หรือในส่วนผสมของวัคซีนมีสารบางอย่างที่ทำให้ร่างกายตอบสนองโดยการแพ้ออกมาให้เห็นจึงไม่ควรรับการฉีดวัคซีนครั้งที่สอง เพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง